20 สิงหาคม 2552

กรดไขมันโอเมก้า-3 สามารถช่วยรักษาสิวได้


Image Hosted by ImageShack.us
Fish oil


กรดไขมันโอเมก้า-3 พบได้ในน้ำมันปลา สามารถช่วยรักษาสิวได้ด้วยการบรรเทาการอักเสบที่เป็นสาเหตุของสิว และช่วยยับยั้งกระบวนการผลิตน้ำมันจากต่อมไขมัน(sebum)ที่มากเกิน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการอุดตันและทำให้เกิดสิว เมื่อ sebum รวมกับแบคทีเรียสุดท้ายก็เกิดเป็นสิวอักเสบขึ้น

EPA หรือ Eicosapentaenoic acid เป็นส่วนประกอบที่สำคัญในกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่ช่วยเพิ่มคุณภาพของการป้องกันการอักเสบ

EPA หรือกรดไขมันโอเมก้า-3 สามารถพบได้ในปริมาณที่เพียงพอในน้ำมันปลา หรือปลาบางประเภทที่มีน้ำมันเท่านั้น

กรดไขมันโอเมก้า-3 มีประโยชน์ในการนำไปผลิตไขมัน Prostaglandins ซึ่งมีหน้าที่หลักคือช่วยในการรักษาระดับฮอร์โมนแอนโดรเจนให้อยู่ในระดับที่ เหมาะสม แอนโดรเจนเป็นฮอร์โมนที่มีผลกับการผลิต sebum และจะมีมากในช่วงวัยรุ่น ซึ่งเป็นสาเหตุทีว่าทำไมวัยรุ่นจึงเป็นสิว

กรดไขมันโอเมก้า-3 นั้นพบได้ในปลาแอนโชวี่ ปลาเฮริ่ง ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล ปลาทูน่า และปลาซาร์ดีน แต่ก็เป็นการยากที่จะได้บริโภคปลาเหล่านี้เพื่อให้ได้โอเมก้า-3 ในปริมาณที่เพียงพอ และเนื่องจากในปลาสดเหล่านี้อาจมีสารพิษตกค้าง จึงแนะนำว่าไม่ควรรับประทานปลาสดเหล่านี้เกิน 2 ครั้งต่อสัปดาห์

วิธีการที่จะได้รับกรดไขมันที่เป็นประโยชน์ในปริมาณที่เพียงพอเพื่อรักษา ปัญหาสิว คือการเสริมอาหารด้วยน้ำมันปลาที่มีคุณภาพและมีปริมาณ EPA สูง

หากต้องการควบคุมการอักเสบของสิว ควรเสริมน้ำมันปลาที่มีโอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 น้ำมันปลาเหล่านี้มี EPA และกรดไขมัน DHAที่จำเป็นต่อการสร้างสารพรอสตาแกลดิน ตามปกติแล้วร่างกายของคนจะทำการแตกกรดไขมันโอเมก้า-6 ไปเป็น DGLA, AA, EPA และกรดไขมัน DHA

Dihomo-gamma-linolenic acid (DGLA)
Arachidonic Acid (AA)
Eicosapentaenoic Acid (EPA)
Docosahexaenoic Acid (DHA)

กรดไขมัน 4 ตัวนี้จะเปลี่ยนเป็นพรอสตาแกลดินทั้งสิ้น

ผลข้างเคียง
การใช้อาหารเสริมน้ำมันปลาในปริมาณที่มากเกินไปก็จะมีผลข้างเคียงเช่น คลื่นไส้ ท้องเสีย เรอบ่อย และฝาดในปาก และยังมีผลทำให้ระบบภูมิคุ้มกันไม่ทำงาน เลือดออกไม่หยุด และทำให้การควบคุมกลูโคสลดลงในคนที่เป็นเบาหวาน

ผลข้างเคียงอื่น ๆ
มีรายงานว่าบางคนเกิดอาการแพ้ โดยส่วนใหญ่จะเป็นอาการขึ้นผื่นคัน อาการหลักก็คืออาหารไม่ย่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นคนอ้วน บางกรณีมีรายงานว่าจะเรอมีกลิ่นคาวปลา และเมื่อใช้นานมาก ๆ ก็จะมีกลิ่นคาวออกมาจากผิวหนัง ผลข้างเคียงเกี่ยวกับเรื่องกลิ่นเท่าที่พบก็มีแค่เรอเหม็นคาว และอาหารไม่ย่อยแบบไม่รุนแรง และยังมีอาการท้องร่วงที่เกิดขึ้นได้ เคยมีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับปริมาณคอเลสเตอรอลที่อยู่ในน้ำมันปลาที่ขาย กันทั่วไป และยังมีข้อสังเกตเกี่ยวกับสารพิษตกค้างที่อยู่ในปลาเช่นสารปรอท ข้อสังเกตเหล่านี้ได้รับคำยืนยันจากผู้ผลิตว่าน้ำมันปลาที่คุณภาพดีจะไม่มี ปัญหาดังกล่าว ระดับน้ำตาลในเลือดและระดับคอเลสเตอรอลอาจสูงขึ้นได้ในบางรายที่รับประทาน น้ำมันปลา และไม่แนะนำให้ผู้เป็นโรคไตรับประทานโดยไม่ปรึกษาแพทย์

อาการอันตรายรุนแรง
ยังไม่พบว่ามีรายงานถึงอาการขั้นรุนแรงของการใช้อาหารเสริมน้ำมันปลาใน ปริมาณ 15 กรัมต่อวันในระยะยาว รายงานผลข้างเคียงที่พบส่วนใหญ่จะมีอาการกระเพราะหรือลำไส้อักเสบจากการ อาเจียนขั้นไม่รุนแรง คลื่นไส้ ท้องเสีย มีกลิ่นปาก เรอและกลิ่นลมหายใจเหม็นคาว รวมถึงปัสสาวะเหม็นคาวด้วย และอาการหลอดเลือดไม่แข็งแรงซึ่งอาจทำให้เกิดเลือดออกทางจมูก หรือรอยฟกช้ำตามส่วนต่าง ๆ ได้

ขนาดรับประทานและวิธีการ
อาหารเสริมน้ำมันปลามีหลายรูปแบบมาก ส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของน้ำมันปลาธรรมชาติที่ได้จากปลาที่อยู่ในแหล่งน้ำเย็น ปลาเหล่านี้จะมีค่า EPA ที่ 30% และ DHA ที่เป็นสัดส่วนของ EPA ที่ 1.5 ยกตัวอย่างเช่น น้ำมันปลา 1 แคปซูลน้ำหนัก 1 กรัม จะมี EPA 180 มิลลิกรัม และ DHA 120 มิลลิกรัม

น้ำมันปลาในรูปแบบที่มีความเข้มข้นมากนั้นเป็นกึ่งสังเคราะห์ 85% EPA/DHA น้ำมันปลาดังกล่าวจะมี EPA กึ่งสังเคราะห์ 490 มิลลิกรัม และ DHA สังเคราะห์ 350 มิลลิกรัม ต่อหนึ่งแคปซูลที่ 1 กรัม

น้ำมันปลาที่แนะนำควรจะมีสารต้านอนุมูลอิสระเช่น โทโคฟีรอล (วิตามินอี) เพื่อป้องกันอนุมูลอิสระ และน้ำมันปลาที่มีส่วนประกอบของวิตามินเอ และวิตามินดีในปริมาณที่สูง อาจทำให้เป็นพิษได้เมื่อรับประทานนานๆ จึงไม่ควรนำมาใช้

การใช้น้ำมันปลาโดยการกินเป็นปกติทุกวันนั้นอยู่ที่ 3-5 กรัมต่อวัน และการเลือกซื้อก็ควรดูที่ฉลากด้วยว่าได้ระบุค่าของ EPA/DHA เอาไว้ด้วย การรับประทานที่ดีที่สุดคือทานพร้อมอาหาร สำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูงควรทานที่ 3 กรัมต่อวัน ขนาดการใช้ 3 กรัมต่อวันยังเหมาะสำหรับผู้เป็นโรครูมาตอยด์ แผลเปื่อย โครห์น

ที่มา
- ezinearticles.com
- pdrhealth.com
- inform.dk
เรียบเรียงและแปลโดย Acnethai.com

>>>อ่านบทความอื่นๆ<<<


คลังบทความของบล็อก